วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552

...ถึงเวลาของอีคอมเมิร์ซรึยัง...

คำถามที่ผมมักจะได้บ่อย ๆ เวลาที่เรามีการพูดถึงเรื่องนี้ ซึ่งจะว่าไปแล้ว.......

ธุรกิจขายสินค้าออนไลน์นั้นเกิดขึ้นกันมานานพอสมควร มีทั้งผู้ที่ประสบความร่ำรวย..... และก็มีอีกหลายคนที่ล้มลุกคลุกคลาน

และคุณจะได้พบกระบวนการที่จะทำให้คุณทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้ง่าย ๆแน่นอนว่าเรื่องราวนี้ จะเป็นเสมือนประตูสู่การทำธุรกิจแบบออนไลน์ ตามฉบับเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งผมเชื่อว่าประสบการณ์ของผมจะช่วยให้การทำธุรกิจแบบออนไลน์ของคุณนั้นกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความสำเร็จจะเกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร ก็ย่อมมาจากความตั้งใจ ใส่ใจ มุ่งมั่น และประการสำคัญก็คือ ต้องมีการทำการตลาดอย่างต่อเนื่องและถูกวิธี

[ก่อนการทำธุรกิจออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ]

ในปัจจุบันการแข่งขันทางธุรกิจมีมาก และต้องปรับตัวให้ทันต่อเหตุการณ์รอบ ๆ ตัว สิ่งที่สำคัญคือการนำเทคโนโลยี เพื่อนำไปใช้พัฒนาด้านต่าง ๆ เช่นการลดต้นทุน เพิ่มช่องทางการตลาด ลดเวลาหรือค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ดังนั้น คำตอบเดียวสำหรับใครที่อยากทำธุรกิจ ในตอนนี้ ที่ไมใต้องลงทุนเยอะ ก็คือ การทำธุรกิจออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ

เราไปทำความรู้จักกันดีกว่าว่าอีคอมเมิร์ซ คือ อะไร

[อีคอมเมิร์ซ คือ อะไร]

ถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็คือ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การค้าผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งไม่ได้หมายความเพียงแค่คุณมีเว็บไซต์ขายสินค้าเท่านั้น แต่รวมไปถึงการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ อีกด้วย

[อีคอมเมิร์ซ แบ่งออก ได้ 4 ประเภทใหญ่]

[C2C] การค้าขายระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภค ที่ทำการซื้อ หรือ ใช้บริการกันเอง ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อขายตามเว็บบอร์ดในเว็บต่าง ๆ หรือ ในรูปแบบการประมูลสินค้า ที่แต่ละคนมาฝากขายกัน

[B2C] การค้าขายระหว่างเจ้าของสินค้ากับผู้บริโภค โดยมีการสั่งซื้อสินค้าที่ไม่มากและมูลค่าซื้อขายแต่ละครั้งมาสูงมาก

[B2B] การค้าระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ ที่มีการซื้อขายในปริมาณที่มาก ส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายระหว่างผู้ผลิตสินค้ากับผู้ผลิตวัตถุดิบด้วยกัน

[B2G] การค้าระหว่างธุรกิจกับองค์กรรัฐ คือ การเชื่อมความสัมพันธ์ในทางระบบทางการค้าของธุรกิจกับองค์กรของรัฐ

[ประโยชน์ของอีคอมเมิร์ซ]

1.เปิดบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง

2.สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลก

3.ประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องของต้นทุน การเช่าร้านค้า การติดต่อสื่อสารกับลูกค้า

4.สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าได้ และทราบความต้องการของลูกค้าได้

5.สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว

6.ลดปัญหาการต่อรองราคา

7.ลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณา

[เริ่มต้นสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ]

หากเราไม่มาความรู้ในการทำธุรกิจมาก่อนว่าจะทำอย่างไร ต้องเริ่มอะไรก่อน

1. สินค้า เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ๆ เลย ก็ว่าได้ เพราะว่า ถ้าเราไม่มีสินค้าธุรกิจก็ไม่เกิดขึ้น

2. ชื่อเว็บไซต์ และการออกแบบเว็บไซต์ ชื่อนั้นสำคัญไฉน? ชื่อต้องจำง่าย พิมพ์ง่าย น่าสนใจ บ่งบอกถึงเว็บไซต์และสินค้าด้วย

3. การโปรโมตเว็บไซต์ คือ การโฆษณาหน้าร้านของเราให้เป็นที่รู้จักกันทั่วไป

4. ระบบชำระเงิน เป็นการโอนเงินผ่านระบบต่าง ๆ

5. ระบบขนส่ง เป็นการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้า

6. การบริการหลังการขาย เป็นการติดตามความพึงพอใจของลูกค้า และทราบความต้องการของลูกค้าได้

[สินค้าที่จะนำมาขายทางอินเตอร์เน็ต]
เรื่องของการเลือกสินค้า ถือเป็นหัวใจสำคัญมาก ในการทำธุรกิจออนไลน์ เพราะหากไม่มีสินค้าทีต้องการ ผู้ซื้อก็จะไม่สนใจ ดังนั้นการขายสินค้าบนเว็บไซต์ จึงต้องเริ่มต้นด้วยการเลือกสินค้าที่ผู้ซื้อสนใจเสียก่อน

[หลักในการเลือกสินค้ามาขายบนอินเตอร์เน็ต มีหลักการง่าย ๆ]

1. สินค้าที่ผลิตเอง นับเป็นตัวเลือกแรกที่สะดวก เพราะการาทำร้านค้าออนไลน์ จะช่วยเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายให้กับสินค้าของคุณได้เป็นอย่างดี เช่น ที่บ้านคุณทอผ้าไหม สินค้าที่ควรจะขายก็ควรเป็นผ้าไหม

2. สินค้าที่สามารถติดต่อกับผู้ผลิตได้โดยตรง หรือ อีกนัยหนึ่งเป็นสินค้าที่เราคุ้นเคย เช่น คุณทำงานในแวดวงด้านคอมพิวเตอร์ สินค้าที่เลือกมาขายก็อาจเป็น อุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ อย่างเช่น การ์ดจอ เมนบอร์ด และถ้าคุณรู้จักกับผู้ผลิตในต่างประเทศด้วย ก็จะทำให้เกิดความง่ายในการติดต่อ ตรงนี้เป็นจุดแข็งที่ไม่ควรมองข้าม

3. สินค้าที่หายาก มีชิ้นเดียว หรือไม่กี่ชิ้นในโลก เพราะการที่สินค้าของคุณมีความแตกต่างไปจากสินค้าในท้องตลาด จะช่วยให้ขายสินค้าได้ง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นสินค้าพิเศษนี้จะต้องเป็นที่ต้องการของตลาด เมื่อบวกความพิเศษมากว่าแล้ว ก็จะทำให้ผู้ซื้อวิ่งเข้ามาสั่งซื้อสินค้าจากร้านออนไลน์ของคุณเอง บางคนอาจกล่าวว่า กรณีนี้เหมือนการผูกขาดตลาดกลาย ๆ

4. สินค้าที่สามารถมาโชว์แค่รูป ก็ขายได้ สินค้าบางอย่างจำเป็นต้องอาศัยการได้กลิ่น หรือ การสัมผัส ผู้ซื้อจึงจะตัดสินใจซื้อได้ ดังนั้น หากการนำมาขายแบบออนไลน์ ก็อาจจะได้รับการตอบรับจากผู้ซื้อน้อย แต่ในทางกลับกัน สินค้าที่นำมาขายเป็นพวกเสื้อผ้าดีไซน์หรู หรือ ตุ๊กตาหมีทำมือ ก็อาจขายได้ง่ายกว่า เพราะดูแค่รูป ผู้ซื้อก็สามารถตัดสินใจได้เลือกซื้อได้ทันที

5. สินค้าที่มีต้นทุนต่ำ คงเป็นเรื่องปกติของการลงทุน หากคุณมีสินค้าที่หมายตาไว้แล้ว ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ คุณจะค้นหาจากหลาย ๆ ที่ ว่าราคาที่ไหนถูกกว่ากัน และนำมาเปรียบเทียบกัน แล้วจึงตัดสินใจซื้อสินค้า

แนวคิดที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นเพียงไอเดียกว้าง ๆ ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยการเลือกสินค้าที่ดี จะเป็นเสมือนการเริ่มต้นที่ดี หรือ ไม่ดี แต่การมีสินค้าที่ดี ก็ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่จะทำให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณประสพความสำเร็จ เนื่องจากมีองค์ประกอบอีกหลายอย่าง ที่คุณจะต้องทำให้ครบวงจร ซึ่งจะแนะนำให้คุณในตอนต่อไป...

[เพิ่มเติม.....อีกนิด]

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ผมได้ไปฟังการเสวนาการทำธุรกิจบนเว็บไซต์ ที่ เซ็นทรัล บางนา ในงานสัมมนาอาขีพ ของ แฟรนด์ไชส์โฟกัส

ก็....ไม่ได้จดอะไรมามากมายนัก เพราะเนื้่อหาก็คล้ายกันที่ผมไปอบรมที่วิทยาลัยแรงงาน และที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า แต่ก็มีที่แตกต่างกันบ้างที่....ไอเดีย????

เริ่มต้นธุรกิจออนไลน์.....

+ สินค้าของคุณ คือ อะไร?

+ ลูกค้าของคุณ คือ ใคร อายุเท่าไหร่ เพศใด

+ ข้อแตกต่างของสินค้าของคุณ กับสินค้าทั่วไป หาจุดดีของสินค้าของคุณว่า...ทำไม ต้องซื้อสินค้าของคุณ

+ สถานการณ์ ช่วงเวลา

+ คุณทำหรือยัง ? ทำเมื่อไหร่? อย่างไร?

" ไม่เดินทางก็ไม่พบ ไม่เจอและไม่เห็น "

" ไม่ลงมือทำ จะประสบความสำเร็จได้อย่างไร "

[A_A]